Basic command in Linux (1)

Shell

เป็นตัวกลางระหว่าง user กับ os

Unix
-Bourne Shell ขึ้นมา เป็น shell มาตรฐาน ใช้งานทั่วๆไป เช่นคำสั่งเรียกดู directory คำสั่ง copy
-Korn Shell ทำให้เราสามารถ กดลูกศรขึ้นได้ ถ้าต้องการเรียกใช้คำสั่งเก่า
-C Shell เป็น shell ที่ใช้งานกับภาษาc โดยเฉพาะ เพื่อให้สะดวกในการใช้งานภาษา C

Linux
-Batch Shell มาจาก Bourne again Shell คือ Bourn shell + Korn shell


File System
/ หมายถึง root คือเป็นรากของต้นไม้ เพราะใน linux เป็นแบบ hierarchical โดยทุกๆอย่างที่ติดต่อกับ linux linux จะปฎิบัติกับมันเป็นเพียง file หนึ่งเท่านั้น


Disk Partition

-Mandatory (จำเป็น ขาดไม่ได้)partition ที่จำเป็น มี root partition ใช้การเก็บจ้อมูลทั่วๆไปใน linux ทั้งหมด(Os)Swap partition เป็น virtual memory(หน่วยความจำเสมือน) และจะต้องเป็น partition mแยกออกมาต่างหาก ขนาดของ swap partition จะตายตัว ไม่ค่อยยืดหยุ่น/boot เก็บข้อมูลเกี่ยวกับการ boot os
-Optional (มีหรือไม่มีก็ได้)Usr partiotion ใช้เก็บพวกโปรแกรมต่างๆที่ user จะต้องใช้ Home partition ใช้เก็บข้อมูลส่วนตัวของ user ทั้งหลายซึ่งทั้งสองอย่างไม่เกี่ยวกับ Os ถ้าเราหวงข้อมูลพวกนี้ เราก็เก็บแยกเอาไว้ต่างหาก แต่ธรรมดาแล้วมันจะอยู่ภายใน root partition


Command line Syntax

Command_name [-option] [argumentคือ คำสั่งนี้จะไปทำงานกับอะไรจะเป็นพวกชื่อไฟล์หรือ directory]

**Linux เป็น Case sensitive


Basic Command

-date บอกวัน เวลา ปัจจุบัน-date –u บอกวัน เวลาปัจจุบันของ GMT-cal บอกปฎิทินวันที่ปัจจุบัน-cal 1 (1เป็นปี ค.ศ. ที่เราต้องการดู)
-cal 7 2008(7เป็นเดือน 2008เป็นปี)
-cal –j เพื่อบอกว่าวันนี้เป็นวันที่เท่าไหร่ของปี
-who ดูว่าใครที่ออนไลน์อยู่ในตอนนี้บ้าง ใน server เดียวกับเรา
-who –H เพื่อที่จะโชว์ header ของแต่ละcolumn
-who –I แต่ละคนมี ideal time เป็นเท่าไหร่ คือเวลาที่ว่างไม่ได้พิมพ์command
-who –q จะโชว์ quick list รายชื่อของคนที่ออนไลน์ขึ้นมา
-who am I เพื่อดูว่าตอนนี้เรากำลังใช้ user อะไรอยู่-clear เพื่อล้างหน้าจอ
-man ย่อมาจาก manual (online manual) คู่มือออนไลน์ ใช้เมื่อเราต้องการรู้ว่าคำสั่งนี้ใช้ทำอะไร เช่น man date เพื่อบอกว่า คำสั่ง date ใช้ทำงานอะไร เมื่อเราดู manual กด enter เพื่อเลื่อนลง 1 บรรทัด กด spacebar เพื่อเลื่อนลง 1 หน้าจอ และกด q เพื่อ exit ออก
-whatis … เป็นการสรุปบอกสั้นๆว่าแต่ละคำสั่งใช้ทำอะไร เช่น whatis man , whatis date

**ถ้าต้องการใช้หลายๆคำสั่งใน command line เดียว เราสามารถใช้ ; ในการแยกคำสั่งออกจากกัน เช่น cal ; date ก็จะแสดงผลลัพธ์ของ cal กับ date ต่อกันมาตามลำดับ , cal 6 2009 ; date –u


Redirect output

คือการเปลี่ยนเป้าหมายของผลลัพธ์ โดยใช้เครื่องหมาย (>) เช่น cal 2009 > lab1-1, date –u > lab1-2

การเรียกดูไฟล์

-cat เป็นคำสั่งเรียกดูไฟล์ เช่น cat lab1-1 ดูว่าเราเก็บอะไรไว้อยู่ ข้อเสีย คือไม่สามารถขึ้นไปดูหัวไฟล์ได้
-more ดูไฟล์ตั้งแต่ต้นหัวไฟล์ จนค่อยๆลงมาเรื่อยๆได้ เช่น more lab1-1 ข้อเสีย คือ ย้อนกลับขึ้นไปดูข้างบนไม่ได้ ลงได้ทางเดียว
-less ถ้าดูเลยมาแล้วสามารถที่จะย้อนกลับมาได้ ใช้ลูกศรเลื่อนขึ้นลงได้ ออกจากคำสั่งได้โดยการ กด q เช่น less lab1-1

** CTRL+Z สามารถออกมาที่ command prompt ได้เสมอ

-head เป็นการโชว์เฉพาะในส่วนของ header เช่น head lab1-1 คือให้โชว์ 10 บรรทัดแรกของไฟล์นั้น
-head –nจำนวนบรรทัด ชื่อไฟล์ หรือ head -จำนวนบรรทัด ชื่อไฟล์ เช่น head –n3 lab1-1เป็นการบอกให้ show 3 บรรทัดแรก
-tail เป็นการให้โชว์ในส่วนของหางในไฟล์ เช่น tail lab1-1 โชว์10 บรรทัดสุดท้าย
-tail –nจำนวนบรรทัด ชื่อไฟล์ เช่น tail –n3 lab1-1 เป็นการโชว์ 3 บรรทัดสุดท้ายของไฟล์

VMware tools

ถ้าเราใช้ os อยู่ตัวนึง แล้วเราลง os อีกตัวใน vmware(ในที่นี้ Main Os คือ Window vista และ Guest Os ใน VMware คือ Edubuntu ) เมื่อเราต้องการที่จะสลับการใช้งานระหว่าง os จริงกับ os ใน vmware เราจะต้องกด CTRL+ALT ตลอดเลยหรือไม่ ?

** ไม่จำเป็นคะ เราสามารถลง VMware tools ได้คะ

แล้ว VMware tools มันคืออะไร ?

** อย่างที่บอกก็คือ เวลาเราจะสลับการทำงานกันระหว่าง os ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกด CTRL+ALT เพียงแค่ลากเม้าส์มาก็สามารถสลับการทำงานได้เลย

** อย่างที่สองก็คือในเรื่องของ File Transfer เราสามารถจะส่งไฟล์ระหว่าง os โดยการกดที่ไฟล์ตัวนั้นแล้วลากออกมานอก VMware ได้เลย

วิธีการติดตั้ง VMware tools

... เราจะต้องเข้าไปใน user ที่เป็น admin

1. System > ดูแลระบบ > ตัวจัดการ package synaptic พิมพ์ที่ Quick search ว่า open-vmware กดเลือก open-vmware-tools กับ open-vmware-toolbox แล้ว install

2. กดที่ menu bar เลือก vm > install vmware Tools

3. เมื่อกดเสร็จแล้วก็ให้ install ก็จะมี file แบบในรูป

4. ภายในไฟล์รูปที่ 3 จะมี่ folder อยู่ข้างในอีกสอง folder


5. ให้เราลากไฟล์ .tar.gz ไปไว้ที่ desktop



6. คลิกขาวที่ file นั้น แล้วทำการ extract here



7. ให้เปิด terminal ขึ้นมา โดยไปที่ applications > เครื่องใช้ไม้สอย > เทอร์มินัล

8.



9. ใช้คำสั่ง sudo ในการ install vmware-install.pl


10. หลังจากนั้นไม่ว่าจะถามอะไร ให้กด enter ตลอด จนจบ
11. ให้ shutdown แล้วลองเข้ามาใหม่อีกครั้ง ก็จะสามารถลาก cursor ออกมาได้โดยไม่ต้องกด CTRL+ALT เป็นอันเสร็จเรียบร้อยแล้วคะ